เนื่องด้วยสภาพอากาศประเทศไทยในวันที่ร้อนจัดของเดือนเมษายน อุณหภูมิพุ่งสูงไปถึง 42 องศา ภัยอันตรายใกล้ตัวที่มองไม่เห็นนั้นมาจากรังสี UVA กับ UVB ที่เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ ผิวแก่ก่อนวัย (Photo aging), ผิวไหม้แดด (Sun burn) รวมถึงการก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง (skin cancer)
ที่คุ้มค่าในระยะยาว เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะเมื่อเราออกไปใช้ชีวิตภายนอก รังสี UVA กับ UVB กระทบกับผิวเราตลอดเวลา รังสีมีความสามารถในการทะลุผ่านหน้าต่างหรือก้อนเมฆจนสามารถสัมผัสกับผิวของเราได้โดยที่ไม่รู้ตัว แน่นอนว่าวิธีการเลือกครีมกันแดดที่จะกลายมาเป็นเสื้อเกราะล่องหนของเรามีวิธีง่าย ๆ ดังนี้
- เลือกกันแดดที่มีความสามารถในการกันรังสีได้ทั้ง UVA และ UVB
- อย่าลืมสังเกต ค่า SPF (sun protection factor) ยิ่งค่าสูงจะยิ่งทําให้เราอยู่กลางแดดได้นานมากขึ้น และต้องมี PA+++ หรือ PA++++
- ทาครีมกันแดดให้ได้ผลจะต้องใช้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร ในขั้นตอนนี้อาจจะใช้ปริมาณเท่ากับ 2 ข้อนิ้วกับใบหน้าหรือใช้อุปกรณ์อื่น เช่น ช้อนตวงครีมกันแดดก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน
- หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีโอกาสในการสัมผัสกับแสงแดดอย่าลืมที่จะทาครีมกันแดดซ้ำในทุก ๆ 2 ชั่วโมงบริเวณนอกร่มผ้า
การทาครีมกันแดดนั้นใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 นาทีแต่สามารถกลายเป็นเกราะป้องกันที่คอยป้องกันไม่ให้ผิวของคุณสัมผัสกับรังสีที่เป็นอันตรายได้เกือบทั้งวัน แต่การทาครีมกันแดดไม่ได้แปลว่าใบหน้าของคุณจะสะอาดปราศจากจากสิ่งสกปรก เพราะครีมกันแดดเป็นหนึ่งในเครื่องสำอางที่ออกแบบมาให้มีความติดทน ยิ่งครีมกันแดดที่กันน้ำได้ ผิวของเราเหมือนถูกเคลือบไว้อีกชั้น เวลาล้างจึงล้างออกยากดังนั้นแม้ว่าเราจะใช้ครีมกันแดดสร้างความสบายใจให้กับคุณเสมือนการการสวมใส่เสื้อเกราะล่องหนก่อนออกจากบ้าน แต่อย่าลืมทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่ง เนื่องจากครีมกันแดดบางชนิดไม่สามารถล้างออกหมดจดได้ด้วยน้ำเปล่าหรือโฟมล้างหน้าทั่วไป จึงต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดก่อนแล้วใช้โฟมล้างหน้าตามปกติ
เพื่อให้มั่นใจว่าใบหน้าของคุณจะไม่เหลือสิ่งสกปรกหรือสารเคมีตกค้าง เราขอแนะนำ BIONICA Cleansing Water ผลิตจากไมเซลลาธรรมชาติ และใช้ Cleanser เพื่อเป็นการ double cleansing ในการล้างครีมกันแดดและเครื่องสำอางให้หมดจดนะคะ
ภาพ/เขียน : วรรณิดา ภิรมย์ปั่น